“EVAR : รักษาหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง” | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

ความรู้เรื่องโรค

“EVAR : รักษาหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง”

Date : 14 January 2016

     ปัจจุบันนวัตกรรมการรักษาโรค มีส่วนช่วยทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องโป่งพองลดลงได้  หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องโป่งพอง เกิดจากผนังหลอดเลือดอ่อนแอและจะขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ มักเกิดกับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น  ผู้ชายอายุมากกว่า 65 ปี  สูบบุหรี่จัด  มีภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะโรคถุงลมโป่งพอง หรือคนในครอบครัวมีประวัติการป่วยด้วยโรคนี้

     อาการที่เกิดขึ้นจะสังเกตได้ จากการคลำพบก้อนเต้นในช่องท้อง แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยภาวะนี้ได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์  และถ้าก้อนมีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนถึง  5 ซม. หรือมากกว่า จนทำให้เกิดการแตกของหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง ผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดท้องเฉียบพลันอย่างรุนแรงและปวดร้าวมาถึงด้านหลัง  และอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิต การรักษา แพทย์จะใช้การผ่าตัดช่วย โดยจะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อทราบตำแหน่งและรอยโรคที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนก่อนลงมือ 

     มีข้อห้ามสำหรับการผ่าตัด หากตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ  เช่น  กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือหลายครั้งติดต่อกัน  ภาวะหัวใจวาย  โรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคถุงลมโป่งพองที่รุนแรง และคาดว่าจะไม่สามารถเอาเครื่องช่วยหายใจออกได้หลังผ่าตัด หรือมีภาวะหายใจหอบเหนื่อยขณะพัก รวมถึงผู้เป็นมะเร็งในระยะแพร่กระจาย หรือโรคที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี ซึ่งการผ่าตัดนี้มีทั้งแบบมาตรฐาน  คือ ผ่าตัดผ่านทางช่องท้อง ทั้งนี้ขึ้นกับตำแหน่งของหลอดเลือด แล้วใส่หลอดเลือดเทียมทดแทน  แต่ในช่วง 10  ปีนี้ นิยมใช้การผ่าตัดรักษาแนวใหม่  เรียกว่า “Endovascular Aortic Aneurysm Repair : EVAR โดยการสอดใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวด ผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบทั้ง 2 ข้าง  เข้าไปจนถึงหลอดเลือดแดงใหญ่ที่โป่งพองและปล่อยขดลวดให้ถ่างขยายในช่องท้อง  ข้อดีคือ  บาดแผลเล็ก เจ็บตัวน้อย ฟื้นตัวเร็ว ที่สำคัญ มีความปลอดภัยสูง ลดอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนก็น้อยลง  

     อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดโป่งพองในช่องท้องที่มีก้อนขนาดเล็ก ซึ่งยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าต้องผ่าตัด  แต่ก็ควรรับการตรวจอัลตราซาวนด์อย่างต่อเนื่อง ทุกๆ  3 - 6 เดือน

ที่มา ผศ.นพ.คามิน ชินศักดิ์ชัย ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล