ภาพจาก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์พิพัฒน์ เชี่ยววิทย์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรคเส้นเลือดขอดในสมองเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด ที่มีลักษณะเป็นกลุ่มของหลอดเลือดที่มีขนาดผิดปกติ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ หลอดเลือดแดง หลอดเลือดขอด และหลอดเลือดดำที่สัมพันธ์กัน โดยหลอดเลือดแดงจะนำเลือดไปสู่บริเวณหลอดเลือดขอดและไหลเวียนออกไปทางหลอดเลือดดำ นอกจากจะพบในสมองแล้ว โรคหลอดเลือดขอดสามารถพบในตำแหน่งใด ส่วนใดของร่างกายก็ได้ โดยอัตราการเกิดโรคนี้มีไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบโรคทางหลอดเลือดสมองชนิดอื่น ๆ เช่น โรคเส้นเลือดโป่งพอง โรคเส้นเลือดตีบตัน อย่างไรก็ตามในโรงพยาบาลใหญ่ประจำจังหวัด และโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์รับระบบการส่งต่อผู้ป่วยก็จะมีโอกาสพบจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นได้ ปัจจุบันที่พบในโรงพยาบาลศิริราชประมาณ 1 รายต่อสัปดาห์
สาเหตุของการเกิดโรคเส้นเลือดขอด
สาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดขอดนั้นยังไม่ทราบชัดเจน สำหรับโรคหลอดเลือดขอดในสมองนั้น เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด ซึ่งอาจจะเกิดในระยะเป็นตัวอ่อนภายในครรภ์มารดา นอกจากนี้พบว่าหลอดเลือดขอดบางชนิดมีความสัมพันธ์กับโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ สำหรับสาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ อุบัติเหตุ พบประปรายเท่านั้น จึงสรุปได้ว่าเป็นโรคทางพันธุกรรมได้โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดหลายตำแหน่งในร่างกาย เช่น ที่ปอดและในสมอง หรือพบหลอดเลือดขอดหลายตำแหน่ง (มากกว่า 2 ตำแหน่ง) ในสมอง
ลักษณะอาการของโรคที่ผิดปกติ
โรคหลอดเลือดนี้สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ นับตั้งแต่ภายในครรภ์มารดาจนถึงผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปี เป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงไม่แตกต่างกัน ที่สังเกตเห็นได้ จะแยกตามกลุ่มอายุ ดังนี้
1. มีอาการชัก พบมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วย
2. มีอาการปวดศีรษะ พบได้ถึงร้อยละ 30 ของผู้ป่วย
3. มีอาการทางสมอง เช่น หมดสติจากเส้นเลือดขอดในสมองแตก หรือมีอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตของแขนขาซีกใดซีกหนึ่ง เป็นต้นและเช่นเดียวกันกับผู้ป่วยเด็ก ที่กลุ่มอาการแสดงภายนอกเหล่านี้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถจะให้การวินิจฉัยผู้ป่วยว่าเป็นโรคหลอดเลือดขอดได้
มีวิธีการรักษาอย่างไร
เนื่องจากอาการแสดงภายนอกของผู้ป่วยไม่สามารถวินิจฉัยได้อย่างชัดเจนทุกราย จึงมีความจำเป็นต้องมีการส่งตรวจเพิ่มเติม ซึ่งได้แก่ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) และการตรวจหลอดเลือดสมองโดยตรง เนื่องจากเป็นวิธีที่เห็นหลอดเลือดได้ชัดเจน ก่อนนำไปสู่การวางแผนรักษาผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมถูกต้องต่อไป
สำหรับการรักษาที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมี 3 วิธี คือ
การปฏิบัติตนควรทำอย่างไร
โรคหลอดเลือดขอดอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยอันเนื่องจากอาการชัก ซึ่งผลของการชักอาจจะทำให้ผู้ป่วยหมดสติ ขาดการหายใจหรือเกิดอุบัติเหตุในขณะขับขี่ยานพาหนะได้ อาการเลือดออกในสมองซึ่งถ้าปริมาณเลือดที่ออกมากอาจกดต่อเนื้อสมองที่ปกติ ซึ่งถ้าเลือดออกปริมาณมากอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นเลือดขอดในสมองควรปฏิบัติตนตามปกติ รวมทั้งพยายามลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้ามีอาการชักให้รับประทานยากันชักอย่างสม่ำเสมอ ควรงดการขับขี่ยวดยานพาหนะ ในเรื่องของอาหารสามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกำลังกายสามารถทำได้แต่ไม่ควรหักโหม รวมทั้งสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ในเพศหญิงที่ต้องการมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลระหว่างการตั้งครรภ์ เนื่องจากระหว่างการตั้งครรภ์จะเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกในสมองจากหลอดเลือดขอดได้ง่ายขึ้น
การป้องกันโรคทำได้อย่างไร
ปัจจุบันยังไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดขอดในสมอง มีเพียงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการชัก โดยการรับประทานยากันชักตามที่แพทย์กำหนดอย่างสม่ำเสมอ และมีเพียงป้องกันไม่ให้เลือดออกในสมองโดยการรักษาโรคเส้นเลือดขอดในสมองโดยวิธีใดวิธีหนึ่งใน 3 วิธีที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ขอเรียนให้ทราบว่า โรคหลอดเลือดขอดในสมองเป็นโรคที่พบได้ทั่ว ๆ ไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับคนได้ทุกเพศทุกวัย โดยมักจะมีอาการแสดงของโรค คือ ปวด ศีรษะ ชัก อาการทางระบบประสาท และจัดว่าเป็นโรคชนิดที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและถูกวิธี