ข้อไหล่หลุด คือภาวะที่หัวกระดูกต้นแขนหลุดออกจากเบ้า มากกว่า 90% จะหลุดมาทางด้านหน้า เมื่อเกิดข้อไหล่หลุด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก หัวไหล่ผิดรูป ขยับแขนไม่ได้ บางรายอาจมีอาการแขนชาจากการบาดเจ็บของเส้นประสาทข้อไหล่หลุด จัดเป็นหนึ่งในภาวะเร่งด่วนที่ต้องได้รับการรักษาทันที
จากการศึกษาทางกายวิภาคพบว่า รูปร่างของข้อไหล่มีลักษณะคล้ายกับลูกกอล์ฟที่ตั้งอยู่บนที ตัวลูกกอล์ฟ คือหัวกระดูกต้นแขน (humeral head) ส่วนที คือเบ้ากระดูกสะบัก (glenoid) ที่มีลักษณะเป็นแอ่งตื้นๆ ธรรมชาติสร้างให้ข้อไหล่มีความมั่นคงเพิ่มขึ้นด้วยขอบกระดูกอ่อน (glenoidal labrum) เพิ่มความลึกของเบ้า และมีเยื่อหุ้มข้อต่อโดยรอบที่แข็งแรง (glenohumeral ligament) นอกจากรูปร่างของกระดูกหัวไหล่แล้ว กล้ามเนื้อรอบๆ หัวไหล่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงของข้อไหล่
สาเหตุของข้อไหล่หลุด ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น แขนถูกกระชากหรือกระแทก โรคลมชัก ไฟฟ้าช็อต ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นจากโรคอื่นๆ เช่น การบาดเจ็บของเส้นประสาทต้นแขน ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ หรือภาวะที่เส้นเอ็นทั่วร่างกายหย่อนแต่กำเนิด (Ehler - Danlos syndrome, Marfan’syndrome)
การรักษาข้อไหล่หลุด แพทย์จะให้ยาระงับปวด ดึงข้อไหล่ให้เข้าที่ แล้วยึดตรึงข้อไหล่ให้นิ่งด้วยผ้าคล้องแขนประมาณ 2 -3 สัปดาห์ จากนั้นจะทำกายภาพบำบัดและบริหารกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อไหล่ เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ปกติ ข้อควรระวังคือ บ่อยครั้งที่ผู้ใกล้ชิดจะช่วยดึงข้อไหล่ให้กลับเข้าที่กันเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียกับผู้ป่วย เนื่องจากภาวะข้อไหล่หลุดอาจเกิดร่วมกับกระดูกหัก หรือการบาดเจ็บของเส้นเลือดและเส้นประสาท จำเป็นต้องตรวจอย่างละเอียดก่อนทำการรักษา ดังนั้นควรส่งผู้ป่วยที่สงสัยว่าข้อไหล่หลุดมาพบแพทย์เสมอ
สำหรับผู้ป่วยที่มีข้อไหล่หลุดซ้ำบ่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงจนโครงสร้างข้อไหล่ไม่มั่นคง หรือจากการยึดตรึงหัวไหล่ไว้ไม่นานพอ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ หัวไหล่จะหลวมและหลุดได้ง่ายเช่น ขณะยกแขนสูงกว่าระดับไหล่ หรือนอนยกแขนก่ายหน้าผาก ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถดึงหัวไหล่กลับเข้าที่ได้ง่าย แต่หัวไหล่จะหลุดซ้ำบ่อยๆ จนรบกวนชีวิตประจำวัน การรักษาคือการบริหารกล้ามเนื้อรอบหัวไหล่ให้แข็งแรงขึ้น ถ้าหัวไหล่ยังหลุดอยู่จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมขอบกระดูกอ่อน เยื่อหุ้มข้อ หรือ เสริมกระดูกส่วนที่แตก ผลสำเร็จของการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด สามารถป้องกันข้อไหล่หลุดซ้ำได้ประมาณ 90 % ในปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องส่องข้อได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะข้อไหล่เป็นข้อที่อยู่ลึก การผ่าตัดโดยวิธีเปิดจะต้องแหวกผ่านกล้ามเนื้อหลายชั้น แผลผ่าตัดค่อนข้างใหญ่ ส่วนการผ่าตัดผ่าน กล้องส่องข้อจะเป็นการเจาะรู แผลผ่าตัดเล็ก มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อย ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากแต่อุปกรณ์ผ่าตัดยังมีราคาแพงอยู่บ้าง การดูแลหลังผ่าตัดจะต้องป้องกันการบาดเจ็บซ้ำในช่วง 6 สัปดาห์แรก จากนั้นทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 3 เดือนจึงจะกลับไปใช้งานได้ตามปกติ
ที่มา อ.นพ. เอกวิทย์ เกยุราพันธุ์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล