ผู้ที่เป็นเบาหวานทราบหรือไม่ว่า จะเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และถ้าไม่ได้รับ การตรวจจากจักษุแพทย์ อาจมีโอกาสตาบอดถาวรได้ ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานและไม่เคยรับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ อาจเกิดภาวะเบาหวาน ขึ้นจอตาได้ เนื่องจากเบาหวานทำให้เส้นเลือดที่จอตาผิดปกติทีละน้อยๆ จนจอตาบวม มีเลือดออกที่จอตา หรือวุ้นตา ส่งผลให้เกิดอาการตามัวและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางตา เช่น ต้อหิน ได้
หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่าต้อหินนั้นอันตรายอย่างไร
อันตรายอยู่ที่เส้นประสาทตาจะถูกทำลาย โดยความดันลูกตาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากที่สุด ซึ่งความดันลูกตาจะถูกควบคุมด้วยระบบไหลเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงภายในลูกตา หากภาวะสมดุลระหว่างการ สร้างน้ำหล่อเลี้ยงและการระบายน้ำออกจากลูกตาเสียไป จะทำให้ความดันลูกตาสูง เกิดภาวะต้อหิน ซึ่งในระยะแรกอาจไม่พบความผิดปกติใดๆ ต่อมาตาจะค่อยๆ มัวลง และยิ่งเป็นผู้ป่วยเบาหวานที่มี เบาหวานขึ้นตาด้วยแล้วหากปล่อยทิ้งไว้จนมีภาวะต้อหินแทรกซ้อน ก็จะตามัวมากขึ้นปวดตา ตาแดง และ อาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยภาวะต้อหินจากเบาหวาน จะเริ่มจากวัดการมองเห็นว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ ตรวจวัดความดันลูกตา ซึ่งเป็นการตรวจที่สำคัญมากในการวินิจฉัยต้อหิน รวมถึงตรวจจอตาและขั้วประสาท ตา ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการเป็นต้อหิน
จะว่าไปแล้ว การรักษาต้อหินจากเบาหวาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา ฉายแสงเลเซอร์ หรือแม้กระทั่งการ ผ่าตัด มักไม่ค่อยได้ผล เป็นแค่เพียงบรรเทาอาการ ไม่สามารถแก้ไขให้สายตากลับมาเป็นปกติได้ แต่สามารถ ยับยั้งไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เบาหวานขึ้นจอตา โดยผู้ป่วยเบาหวานจะต้อง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมค่าความดันลูกตาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมถึงรับการตรวจจอตา โดยจักษุแพทย์เป็นประจำทุกปี
ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ โดย รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ ภาควิชาจักษุวิทยา