หากเอ่ยถึง “เสียงกรน” แล้ว หลายคนคงนึกรำคาญใจ บางคนก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาใกล้ตัว แท้จริงแล้ว อาการกรนของลูกเป็นสัญญาณเตือนประการหนึ่งของ “ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับในเด็ก” ซึ่งภาวะนี้จะทำให้คุณภาพการนอนหลับของเด็กต่ำลง จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ อีกทั้งยังมีผลต่อคุณภาพชีวิตและปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ควรใส่ใจดูแลลูกอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ
ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยของการเกิดภาวะนี้ในกลุ่มเด็ก ได้แก่ ต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ในร่างกายมีขนาดโตกว่าปกติ ภาวะจมูกอักเสบเรื้อรังจากโรคภูมิแพ้ และภาวะอ้วนในเด็ก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกได้แก่ โครงหน้าผิดปกติ เช่น ใบหน้าแคบ คางสั้นหรือเล็ก ตลอดจนโรคทางพันธุกรรม หรือโรคทางสมองและกล้ามเนื้อที่ส่งผลต่อการหายใจ เป็นต้น
ตรวจการนอน เพื่อพร้อมรับมือ
ด้วยการตรวจ Polysomnography (PSG) เป็นระบบวินิจฉัยภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งสามารถบอกรายละเอียดทั้งรูปแบบการหายใจ ลักษณะคลื่นสมอง การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ระดับความอิ่มตัวของก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ขณะหลับ โดยนอกจากจะทำให้ทราบว่าลูกน้อยเกิดภาวะดังกล่าวหรือไม่แล้ว การตรวจ PSG ก็ยังสามารถบอกระดับความรุนแรงของโรคได้ด้วย
การรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจในเด็ก
แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของโรค อายุของผู้ป่วย และความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นสำคัญ หากไม่รุนแรงจะเน้นการดูแลสุขมัยในการนอน ควบคุมอาหาร หรือใช้ยารับประทานและยาพ่นจมูก แต่ในบางกรณีอาจพิจารณาให้มีการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลออกตามความจำเป็น นอกจากนี้ยังมีการรักษาแบบอื่นๆ เช่น การใช้เครื่องช่วยหายใจ ชนิด non invasive ในขณะหลับ ตลอดจนการผ่าตัดแก้ไขรูปหน้าและจมูก เป็นต้น
สังเกตลูกสักนิด
“เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของลูกน้อย หากสงสัยว่าลูกมีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ ควรรีบพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อพัฒนาการ สติปัญญา และจิตใจของเด็กในระยะยาว”
พญ. ศริสา ถาวรกิจ
กุมารแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล