“มะเร็งปากมดลูก” โรคสตรีที่ไม่ควรมองข้าม | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

ความรู้เรื่องโรค

“มะเร็งปากมดลูก” โรคสตรีที่ไม่ควรมองข้าม

Date : 21 November 2016

ข้อมูลจาก : นพ.ณัฐวุฒิ กันตถาวร (มะเร็งนรีเวชวิทยา) รพ.จุฬาภรณ์
ภาพจาก : pixabay.com

“มะเร็งปากมดลูก” จัดเป็นโรคมะเร็งเฉพาะสตรี ที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของสตรีไทย

ธรรมชาติได้สรรสร้างให้ “เพศหญิง” มีความแตกต่างกับเพศชาย เพื่อให้เราได้ทำภาระหน้าที่ ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ นั่นคือความเป็น “แม่” อวัยวะนั้นก็คือ "มดลูก” ซึ่งจะเป็นที่ ที่ให้ชีวิตน้อยๆได้ถือกำเนิดขึ้นมา แต่ในทางกลับกัน นั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องพึงระวัง ให้ความใส่ใจและดูแลอวัยวะที่พิเศษนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เราปลอดภัยจากโรคมะเร็งที่จะเกิดเฉพาะกับสตรี และด้วยรูปแบบการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยในปัจจุบัน หญิงไทยส่วนหนึ่งเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือการมีแนวคิดการใช้ชีวิตแบบอยู่ก่อนแต่งงาน การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกสูงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีครอบครัวและมีสามีเดียวก็มีโอกาสเสี่ยงเช่นกัน หากสามีเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงด้านพฤติกรรมทางเพศ

จากสถิติที่ผ่านมาในบรรดาโรคมะเร็งของหญิงไทยนั้นพบว่า “มะเร็งปากมดลูก” จัดเป็นโรคมะเร็งเฉพาะสตรี ที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของสตรีไทย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยเหล่านี้ มักจะมาพบแพทย์ เมื่อระยะของโรคมะเร็งนั้นได้เข้าสู่ในระยะลุกลามแล้ว การรักษาจึงเป็นไปได้ยากต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคม และครอบครัวตามมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะปัญหาของครอบครัวที่ต้องขาดแม่

สาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า HPV หรือที่มีชื่อเต็มว่า Human Papilloma Virus (ชนิดสายพันธุ์ก่อมะเร็ง) ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อนี้อยู่ โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปที่ปากมดลูก ทำให้ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ จากปากมดลูกปกติ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งปากมดลูก เเละลุกลามไปบริเวณข้างๆออกไป เช่น ผนังช่องคลอด ตัวมดลูก เนื้อเยื่อข้างมดลูก ต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน ซึ่งเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกระทั่งก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้นั้น ใช้เวลานานประมาณ 10-15 ปี

เชื้อเอชพีวี เป็นเชื้อไวรัสที่ทนทานต่อความร้อน และความแห้งได้ดี สามารถเกาะติดตามผิวหนัง อวัยวะเพศ เสื้อผ้า หรือแม้แต่กระจายอยู่รอบตัวในรูปของละอองฝุ่น เชื้อไวรัส HPV มีทั้งหมดกว่า 100 สายพันธุ์ แต่ที่ทำให้เกิดการติดเชื้ออวัยวะสืบพันธุ์มีประมาณ 30-40 สายพันธุ์ ซึ่งถ้าเราแบ่งตามความเสี่ยงหรือศักยภาพในการก่อมะเร็ง จะสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งมักทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยเชื้อจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุปากมดลูก จนพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็ง

ผู้หญิงเราสามารถได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวี ได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอชพีวีที่อวัยวะเพศ ซึ่งผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ย่อมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี แต่โดยทั่วไปแล้วการติดเชื้อนั้นจะเป็นอยู่ไม่นาน และสามารถหายไปได้เองด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย มีเพียงส่วนน้อยที่มีการติดเชื้อแบบยาวนาน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุปากมดลูก และพัฒนากลายเป็นมะเร็งปากมดลูกในที่สุด อาการของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก จะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะของมะเร็ง หากเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกส่วนมากจะยังไม่มีอาการแสดงอะไร แต่เราสามารถตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองที่เรียกว่า Pap smear ดังนั้นผู้หญิงทุกคนจึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี เพราะถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ จะมีโอกาสในการหายจากโรคได้มากกว่า

สำหรับอาการที่พบของมะเร็งปากมดลูกคือ มีตกขาวผิดปกติ อาจมีลักษณะเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น หรือมีลักษณะคล้ายน้ำไหลออกมาจากช่องคลอด มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เลือดออกกระปริบกระปรอย เลือดออกหลังร่วมเพศ หรือเลือดออกในขณะที่ไม่ใช่รอบเดือน นอกจากนี้อาจพบอาการแสดงอื่นๆ หากมะเร็งได้ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นใกล้เคียง แต่อาการเหล่านี้อาจจะไม่ใช่อาการของมะเร็งปากมดลูกเสมอไป แต่อาจจะเป็นอาการของโรคทางระบบอวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งอย่างไรก็ตามควรไปรับตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องกับแพทย์สูติ-นรีเวชจะดีที่สุด

ปัจจุบันโรคมะเร็งปากมดลูก สามารถรักษาให้หายได้ เพราะวิทยาการทางการแพทย์ในด้านการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกได้พัฒนาไปมาก ทั้งด้านการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด หรือการให้รังสีรักษา แต่การรักษาโรคจะได้ผลดีเพียงใดนั้น ยังขึ้นอยู่กับการสามารถค้นหารอยโรคได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก ซึ่งหากพบโรคในระยะท้ายของโรคก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่สามารถป้องกันได้ เช่น การไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การรู้จักป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งก็พอป้องกันได้แต่ไม่ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์

การงดสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทำให้ร่างกายมีความบกพร่องของกลไกป้องกันไวรัส HPV ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปากมดลูก สิ่งสำคัญคือ ความอบอุ่นภายในครอบครัว รักเดียวใจเดียว ไม่ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากคู่สามี-ภรรยาของตนเอง จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ นอกจากนี้การเฝ้าระวังโรคโดยไปรับการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถค้นหามะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ส่งผลให้การดูแลรักษาได้ผลดีมากยิ่งขึ้น