"เชื้อดื้อยา" ระบาดหนักทั่วโลก | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

Health Article

บทความเรื่องสุขภาพ

"เชื้อดื้อยา" ระบาดหนักทั่วโลก

Date : 22 November 2016

ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะมียาปฏิชีวนะ แต่เนื่องจากเชื้อดื้อยาจึงรักษาไม่หาย คาดว่าในปี 2593 ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากปัญหาเชื้อดื้อยารวม 10 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในทวีปเอเชียมากที่สุดถึง 4.7 ล้านคน และยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อการปศุสัตว์ การประมง การเพาะปลูก การค้าระหว่างประเทศ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ จากการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาข้ามพรมแดนผ่านการเคลื่อนย้ายของคน สัตว์ และสินค้าทางการเกษตร ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยา เนื่องจากมีการศึกษาพบว่า มีผู้ติดเชื้อดื้อยาปีละ 88,000 คน นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้นกว่า 1 ล้านวัน เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาปีละ 38,000 คน สูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมสูงถึง 4.2 หมื่นล้านบาท

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ.กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560-2564 ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ คือ
1.การเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างบูรณาการ
2.การควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพในภาพรวมของประเทศ
3.การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในสถานพยาบาลและร้านยา
4.การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง
5.การสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเรื่องเชื้อดื้อยาและยาต้านจุลชีพ
6.การพัฒนาโครงสร้างและกลไกของการทำงานเชิงบูรณาการ การติดตามประเมินผล และประสานความร่วมมือภายในประเทศและต่างประเทศในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์มีเป้าหมาย ลดการป่วยจากเชื้อดื้อยาร้อยละ 50 ลดการใช้ยาต้านจุลชีพในคนและในสัตว์ลงร้อยละ 20 และ 30 และประชาชนมีความตระหนักรู้เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 20 ภายใน 5 ปี

ในการใช้ยาเพื่อป้องกันปัญหาเชื้อดื้อ ได้แก่
1.ใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในโรคหวัด เนื่องจากโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนยาปฏิชีวนะใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
2.กินยาปฏิชีวนะให้ครบตามแพทย์สั่ง อย่าหยุดยาเอง เพราะเชื้อแบคทีเรียจะปรับตัวให้คงทนต่อยามากขึ้นและกลายเป็นเชื้อดื้อยาในที่สุด
3.ใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช้ยาแรงเกินไป เพราะหากใช้ยาฤทธิ์แรงรักษาตั้งแต่เริ่มแรก หากเกิดการดื้อยาขึ้นจะไม่มียาขนานต่อไปให้รักษา ทั้งนี้ เกณฑ์ที่ใช้ระบุว่าผู้ป่วยที่เจ็บคอควรได้รับยาปฏิชีวนะ คือ ต้องมีอาการเจ็บคอร่วมกับอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อ ได้แก่
1.มีไข้ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
2.มีฝ้าขาวที่ต่อมทอนซิล
3.คลำพบต่อมน้ำเหลืองโตที่ลำคอและกดเจ็บ
4.ไม่มีอาการไอ หากไม่มีอาการข้างต้น 3-4 ข้อ ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะ สำหรับอาการไอ มีน้ำมูก เป็นแผลในปาก เสียงแหบ ไม่ใช้ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาปฏิชีวนะ