ข้อมูลจาก : รศ.นพ.พูนทรัพย์ วงศ์สุรเกียรติ์
ภาพจาก : pixabay.คอม
การไอเป็นการแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกายต่อสิ่งที่มาระคายเคืองลำคอหรือหลอดลม โดยอาการไอนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งการรักษาก็จะแตกต่างกันไปตามอาการ เช่น การไอพร้อมๆ กับน้ำมูกไหล, การไอเนื่องจากภาวะภูมิแพ้, การไอแห้งแบบสั้นๆ และมีเสียงหวีดหวิวซึ่งมักจะพบบ่อยในคนที่เป็นโรคหืด, ไอกรนหรือแม้แต่การไอเป็นนิสัยซึ่งไม่มีสาเหตุทางร่างกายแต่เกิดจากอารมณ์หรือประสาท เช่น เด็กบางคนไอเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ ซึ่งลักษณะการไอเช่นนี้ จะไอแบบเป็นครั้งคราว บางคนไอหลายวันติดต่อกันเนื่องจากหวัดลงคอ หรือไอเรื้อรัง และหากมีอาการหลอดลมอักเสบ การอุดตันของลมหายใจก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการไอได้เช่นกัน
สาเหตุของอาการไอที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ ไซนัสอักเสบ บางครั้งสิ่งแปลกปลอม เช่น เศษอาหาร ฝุ่นละออง ควันบุหรี่หรือควันอื่นๆ ก็ทำให้เกิดอากาไอได้ สำหรับการรักษาอาการไอนั้น หากเกิดจากสาเหตุธรรมดาไม่ร้ายแรง เช่น โรคหวัด ก็ไม่ต้องทำอะไรนอกจากรักษาอาการหวัดให้หาย หรือหากทราบสาเหตุก็ควรรักษาที่ต้นเหตุ เช่น ไอจากภูมิแพ้ ก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ งดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ แต่หากเป็นอาการไอเรื้อรังจากการสูบบุหรี่ก็ควรดื่มน้ำอุ่นเพื่อให้ชุ่มคอและช่วยให้เสมหะไม่ข้นเหนียว
ส่วนการเลือกยาแก้ไอนั้นควรตรวจสอบดูให้ละเอียดว่าเป็นยาแก้ไอแบบมีเสมหะหรือไอแบบไม่มีเสมหะ เพราะตัวยาจะเป็นคนละชนิดกัน ที่สำคัญไม่ควรใช้ยาแก้ไอกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และไม่ควรใช้ยาแก้ไอนานติดต่อกันเกิน 3 สัปดาห์ โดยไม่ได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์ เพราะอาจเลือกใช้ยาแก้ไอผิดประเภทหรืออาจมีโรคที่ร้ายแรงกว่าการ “ไอ” ก็เป็นได้