7 เรื่องเพศ พ่อแม่ควรรู้ | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

Health Article

บทความเรื่องสุขภาพ

7 เรื่องเพศ พ่อแม่ควรรู้

Date : 17 January 2024

เรื่องโดย : ดนยา สุเวทเวทิน Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : หนังสือ "ผู้ใหญ่เปิดใจ ลูกหลาน (รัก) ปลอดภัย" โดย สสส. และมูลนิธิแพธทูเฮลท์

"เรื่องเพศ" หากนำมาพูดคุยในที่สาธารณะอาจดูเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ทำให้วัยรุ่นส่วนใหญ่เลือกคุยในวงสนทนาเฉพาะกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้พวกเขาได้รับคำตอบที่ไม่ถูกต้องกลับไป แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากเรื่องเหล่านี้สามารถนำมาพูดคุยกันในครอบครัวได้อย่างเปิดเผย

จากผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จำนวนทั้งสิ้น 3,053 ตัวอย่าง ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2559 ที่ผ่านมาพบว่า ร้อยละ 68 ทั้งในเพศชายและหญิง คือการไม่มีความรู้เรื่องการป้องกันและการตั้งครรภ์ที่ถูกต้อง ถือเป็น 1 ใน 5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสถานการณ์ "แม่วัยรุ่น"

1. เมื่อลูกชายฝันเปียก ควรชวนคุยด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ไม่ดุว่า หรือตีโพยตีพาย พ่อแม่อาจเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนว่าฝันเปียกเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับผู้ชายทุกคน
2. เมื่อลูกพกถุงยางอนามัย ค่อยๆ หาโอกาสเปิดใจคุยกับลูก อาจเริ่มจากการพูดคุยว่าบังเอิญแม่เห็นถุงยางอนามัยอยู่ในห้อง ที่แม่ถามก็ไม่ได้จะดุหรือว่าเลย เพียงแต่อยากรู้ว่าได้มาอย่างไร หรือ ลูกมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการพกถุงยางอนามัยว่าอย่างไรบ้าง พร้อมสอนว่าการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ช่วยป้องกันการท้องไม่พร้อม ป้องกันโรคติดต่อที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ถุงยางอนามัยต้องไม่หมดอายุ หรือเสื่อมสภาพ
3. เมื่อลูกเริ่มสนใจเพศตรงข้าม พ่อแม่ควรหาโอกาสสำคัญคุยกับลูก เพื่อเป็นการทำความรู้จัก สร้างความสนิทสนม และป้องกันลูกหันไปปรึกษากลุ่มเพื่อน  ด้วยการพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ดุด่า หรือนิ่งเฉย
4. เมื่อลูกสาวมีตกขาว ให้อธิบายว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคน ตกขาวคือ มูกใสหรือข้น สีขาวๆ เหลืองๆ ที่ออกมาจากช่องคลอด ซึ่งแตกต่างกันไปในระหว่างช่วงรอบเดือน
5. เมื่อลูกชายสงสัยว่าอวัยวะเพศเปลี่ยนไป ให้อธิบายกับลูกไปว่า เมื่อมีสิ่งมากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ นั้นจะทำให้อวัยวะเพศชายเกิดการขยายและแข็งตัว
6. เมื่อลูกพาแฟนมาที่บ้าน พ่อแม่หลายคนยอมให้ลูกพาแฟนเข้าบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่า ดีกว่าปล่อยให้ไปไกลหูไกลตา ทั้งนี้พ่อแม่ควรหาเวลาคุยกับลูกเพื่อให้รู้ว่าพ่อแม่เชื่อว่าลูกดูแลตัวเองและแฟนได้จริง และลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจในภายหลัง
7. เมื่อลูกมีแนวโน้มจะเป็นเพศทางเลือก ไม่ควรกีดกัน หรือดุด่าว่ากล่าว แต่ควรทำความเข้าใจว่า คนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนผิดปกติ แม้ว่าลูกจะเป็นเพศไหนก็สามารถเป็นคนดี  ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมได้

หากห้ามไม่ให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์อาจดูเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้นการให้ความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดภาวะท้องไม่พร้อมในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างมาก เพราะ "ยิ่งพูดเร็วเท่าไหร่ ลูกก็จะปลอดภัยมากขึ้น แต่การพูดคุยจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศให้เกิดความไว้วางใจกันเสียก่อน โดยที่พ่อแม่รับฟัง ไม่ด่วนตัดบท หรือห้ามปรามตำหนิความคิดเห็นของเขา"