การขับขี่รถยนต์ในปัจจุบันเรามักเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับกฏจราจรเนื่องจากเห็นการปฏิบัติตาม ๆกันก็เข้าใจว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฏจราจร นอกจากฏจราจรแล้วเรื่องของมารยาท ความเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรในการขับขี่บนท้องถนนก็ถูกละเลยทำให้ต้องหันมารณรงค์กันให้มากขึ้น
กะพริบไฟสูงขอทางหรือเตือนอาจสับสน
บางเรียกศัพท์สแลงกันว่าดิฟไฟสูงคนไทยมักใช้เตือนเพื่อไม่ให้รถยนต์ทางโทตัดเข้ามาทางเอกหรือทางตรงในขณะที่บางประเทศใช้การกะพริบไฟสูงเมื่ออยากให้ทางเพราะแสดงว่าเห็นแล้วและยอมให้ทางขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้เพื่อบอกว่าเห็นแล้วว่ามีรถยนต์กำลังจะตัดทางเข้ามาแต่ไม่ให้เข้ามาในกรณีนี้กฎหมายไทยไม่มีการกำหนดว่าให้ใช้การกะพริบไฟสูงเพื่อจุดประสงค์ใดอาจเพราะไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลได้จึงยังพอใช้กันในสไตล์ไทยๆได้แต่ก็มีผู้ที่ใช้เพื่อต้องการให้ทางอยู่บ้างซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่าเพราะต้องเห็นก่อนจึงจะสามารถกะพริบไฟบอกได้ก็คงต้องปล่อยวางและใช้กันไปตามกระแส
จอดในพื้นที่ห้ามจอด-เปิดไฟฉุกเฉิน
ถือ เป็นการเอาเปรียบสังคมอย่างหนึ่งแม้จะเป็นการจอดชั่วคราวก็ตามเพราะการเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อแสดงว่าจอดแต่ถ้าไม่ใช่เวลาและและพื้นที่ซึ่งควรจอดก็ไม่ควรปฏิบัติ อีกทั้งยังผิดกฎจราจรอีกด้วยการเปิดไฟฉุกเฉินจอดในพื้นที่ห้ามจอดไม่สามารถป้องกันการออกใบสั่งได้
ก้มศีรษะขอบคุณลืมไปแล้วหรือ?
3-4ปีที่ผ่านมาผู้ขับมีการก้มหัวขอบคุณเมื่อได้รับการให้ทางแต่ในระยะหลังมานี้เริ่มมีการถดถอยหรือหลงลืมกันไปบ้างอาจะเป็นเพราะการรักษาศักดิ์ศรีโดยไม่จำเป็น เช่น ผู้ขับรถยนต์ระดับหรูราคาแพงมักไม่ยอมขอบคุณผู้ขับรถยนต์ราคาถูกที่ยอมให้ทางหรือผู้ชายมักไม่ยอมขอบคุณผู้หญิงฯลฯนับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากเมื่อมีการขอบคุณให้หลังจากได้รับการให้ทาง
เบรกต้องสนใจรถยนต์ที่ตามด้วย
ไม่ใช่แค่รักษามารยาทแต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยกันด้วยถ้าต้องมีการเบรกผู้ขับส่วนใหญ่จะมองแค่เป็นการลดความเร็วเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้าโดยไม่ค่อยสนใจมารยาทและความปลอดภัยของผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาหากมีเวลาพอก่อนการเบรกควรเหลือบมองกระจกหลังและเพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยจังหวะและน้ำหนักที่เหมาะสม
ข้าม4แยก/3แยกตรงไปไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน
ถ้า จะขับรถยนต์แล้วต้องการข้าม 4 แยก หรือ 3 แยกแนวตรงแล้วต้องการตรงไป การเปิดไฟฉุกเฉิน-กะพริบ 4 มุม เป็นวิธีที่ผิดและอันตรายสาเหตุที่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินในกรณีนี้เพราะผู้ขับรถยนต์ที่มาด้านซ้าย-ขวาอาจเห็นเพียงไฟกะพริบด้านหน้ามุมเดียวเสมือนเป็นการเปิดไฟเลี้ยวโดยไม่ทราบเลยว่าเป็นการเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบพร้อมกัน 4 มุมซ้าย-ขวา หากสมมุติเหตุการณ์ขึ้นจะพบว่าไฟเลี้ยวด้านหน้าแม้จะกะพริบพร้อมกันซ้าย-ขวา แต่ผู้ขับรถยนต์คันที่มาจากด้านข้างในแต่ละด้านก็ยังอาจเห็นไฟหะพริบเพียงมุมเดียวโดยเฉพาะผู้ที่ขับรถยนต์มาจากด้านซ้ายก็อาจจะไม่ชะลอความเร็วลงหรือไม่ให้ทางด้วยคิดว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเลี้ยวซ้ายโดยไม่เกี่ยวกับเขา
สปอตไลท์/ไฟตัดหมอกควรเปิดเมื่อไม่รบกวนคนอื่น
ไฟส่องสว่างนี้มีทั้งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและติดตังเพิ่มเองตำแหน่งอยู่ตรงด้านล่างของกันชนหน้า 2 ดวงต่อรถยนต์ 1 คัน รถยนต์บางรุ่นติดตั้งให้ใช้เป็นไฟตัดหมอกซึ่งก็ควรใช้เมื่อมีหมอกตามชื่อเรียกแต่ทุกวันนี้ผู้ขับขี่บางคนกลับเปิดใช้ในขณะที่เส้นทางไม่มืดมากซึงไม่จำเป็นเลยเพราะแสงสว่างที่แรงนั้นอาจแยงสายตาทั้งผู้ขับรถยนต์คันที่สวนมาและคันที่นำหน้าในเส้นทางปกติ ไม่ควรเปิดใช้งานเพราะสว่างอยู่คนเดียวแต่ทำให้คนอื่นตาพร่ามัวผู้ขับรถยนต์บางรายหนักข้อด้วยการเปิดเพียงไฟหรี่แล้วเปิดสปอตไลท์เพิ่มความสว่างนับเป็นการรบกวนสายตาของ
เพื่อนร่วมทางอย่างมากสำหรับคำถามที่ว่า แล้วเมื่อมีปัญหาอย่างนี้ผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งสปอตไลท์มาเพื่ออะไรแล้วจะได้ใช้งานเมื่อไร เพราะกลัวไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายระบบในคู่มือว่าสปอตไลท์ควรเปิดเมื่อไม่รบกวนผู้อื่นจำเป็นหรือควรเปิดเมื่อหมอกลงและไม่ควรเปิดใช้ต่อเนื่องนานๆเพราะจะร้อนเกินไปจนจานฉายอาจเสื่อมได้ง่ายการติดตั้งสปอต ไลท์เพิ่มเติมเองถ้าไม่ถูกตำแหน่งหรือมีแสงแรงเกินกำหนดก็ผิดกฎหมายทั้งมีการเปิดใช้และไม่เปิดจะไม่ผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อติดตั้งถูกตำแหน่งมีฝาครอบปิดและไม่ได้เปิดใช้บนเส้นทางเรียบปกติ
เปลี่ยนเลน-แซง-ขึ้นทางตรงได้แล้วควรเร่งความเร็วเพิ่ม
การเลี้ยวขึ้นทางตรงจากซอยหรือทางโทรวมถึงการเปลี่ยนเลนควรกระทำเมื่อเส้นทางว่างพอเมื่อเปลี่ยนเข้าสู่เลนที่ต้องการได้แล้วบางคนไม่สนใจมารยาทต่อผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาเพราะคิดแต่เพียงว่าถ้าถูกชนด้านท้ายแล้วจะไม่ผิดเนื่องจากเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้วด้านมารยาทเมื่อเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้วควรเร่งความเร็วมาก ๆ กดคันเร่งหนัก ๆ เพื่อไล่รถยนต์คันหน้าในระยะที่เหมาะสมให้เร็วที่สุดโดยไม่ต้องสนใจว่ารถยนต์คันหลังห่างแค่ไหนเพื่อมารยาทผู้ขับรถยนต์คันหลังจะได้ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่งและไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตนเองด้วย
ไฟเหลืองควรเร่งหนีหรือเบรก?
หลักการที่ถูกต้องและเป็นสากลแต่ไม่ค่อยมีปฏิบัติกันคือ ต้องเบรกและจอดเมื่อเห็นไฟเหลืองก่อนไฟแดงผู้ขับรถยนต์ไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลืองกลับกลายเป็นไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดงซึ่งไม่ถูกต้องนักเพราะการที่ไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดงตามหลักการจริงเป็นการเตือนเพื่อให้ชะลอความเร็วลงและจอดและควรเหลือบมองกระจกหลังไว้หน่อยเพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสมเพื่อมารยาทผู้ขับรถยนต์คันหลังไม่ต้องเบรกจนตัวโก่งและไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตน
ไฟเลี้ยวต้องเปิด-ปิดอย่างเหมาะสม
ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกมองข้ามการเปิดไฟเลี้ยวเป็นเรื่องจำเป็นเพราะกฎหมายกำหนดให้มีการเตือนผู้ร่วมทางล่วงหน้าตามระยะที่เหมาะสมจึงควรเปิดไฟเลี้ยวเมื่อเตรียมเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควรและไม่ควรเปิดค้างจนลืม
ชิดซ้ายเสมอ
บนถนนหลายเลนมักมีการเตือนวา "ขับช้า ชิดซ้าย" ซึ่งไม่ค่อยตรงกับหลักการขับปลอดภัยและมารยาทในการใช้ถนน เพราะจะมีรถยนต์แล่นเลนขวาตลอดโดยคิดว่าความเร็วที่ใช้ในขณะนั้นถือว่าเร็วแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะกฎหมายไทยกำหนดให้ใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อใช้ความเร็วเกินขึ้นไปแล้ว ก็มักจะคิดไปเองว่า เร็วพออยู่แล้ว จึงสามารถแล่นชิดขวาได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก สำนักสวัสดิภาพการขนส่ง
ที่มาของเนื้อหา thaitravelcenter.com/rentacar/th/wrongthink.asp