ข้อมูลจาก : สำรักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ภาพจาก : pixabay.com
การมีลมหายใจหอมสดชื่น นอกจากจะสร้างความมั่นใจให้กับตังเองแล้ว ยังไม่สร้างมลพิษให้กับคนรอบข้างอีกด้วย
การเกิดกลิ่นปาก
1.สาเหตุจากในช่องปาก
-การแปรงฟันไม่สะอาด มีแผลร้อนใน มีฟันผุ ทำให้มีเศษอาหารตกค้างตามรูของฟันผุ หรือซอกฟันที่ขนแปรงเข้าไม่ถึง
-โรคเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์อักเสบ มาจากคราบหินปูนที่อยู่รอบๆ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
-แผลในช่องปาก เกิดการเกาะของแผ่นคราบจุลินทรีย์ประกอบกับความเจ็บแผล ทำให้ไม่อยากแปรงฟันจึงเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเพิ่มขึ้น
-คนที่ใส่ฟันปลอม ถ้าดูแลทำความสะอาดฟันปลอมไม่ดี มีคราบอาหารติดอยู่ มีการบูดของอาหาร ก็จะทำให้เกิดกลิ่นปากได้
2.สาเหตุอื่นๆ
-มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น โพรงไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ
-โรคติดเชื้อของปอด เช่น วัณโรคปิด ฝีในปาก
-โรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น การมีกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อน
-มีเนื้องอกในช่องปาก ช่องคอ หรือหลังโพรงจมูก
-การกินอาหารบางชนิดที่มีกลิ่นรุนแรง เช่น ทุเรียน หัวหอม กระเทียม
-การดื่มสุราแบะสูบบุหรี่
วิธีแก้ไข
1.แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีหลังอาหารทุกมื้อ และควรแปรงลิ้นด้วยทุกครั้ง เพราะผิวของลิ้นจะประกอบด้วยตุ่มเล็กๆ มากมาย สามารถเก็บกักเศษอาหารเล็กๆ และแผ่นคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย
2.การใช้น้ำยาบ้วนปาก ยาอม หมากฝรั่ง หรือสเปรย์ดับกลิ่น ซึ่งช่วยระงับกลิ่นปากได้เพียงชั่วคราว แต่ต้องใช้อย่างระวัง เพราะบางชนิดอาจมีส่วนประกอบของน้ำตาลมาก ถ้าอมบ่อยอาจสร้างปัญหาทำให้เกิดฟันผุตามมา
3.กินผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เช่น ชมพู่ ฝรั่ง ซึ่งผลไม้เหล่านี้ได้ชะล้างเอาเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันออกไปบ้างขณะเคี้ยว
4.หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง
5.ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
6.พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปาก และแก้ไขปัญหาในช่องปากให้เรียบร้อย และตรวจเป็นระยะทุกๆ 6 เดือน