ข้อมูลจาก : รศ.นพ.อนุวัตร รุ่งพิสุทธิพงษ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาพจาก : pixabay.com
1. การติดเชื้อเอดส์ในประเทศไทย มีแนวโน้มลดลง แต่ตัวเลขยังไม่ทราบชัด ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์แล้วนั้น มีอัตราลดลงอย่างชัดเจนประมาณ 20%
2. สาเหตุการเกิดโรคเอดส์
2.1 เพศสัมพันธ์ ชาย - หญิง หรือ ชาย - ชาย
2.2 การฉีดยาเสพติดเข้าเส้น
2.3 การได้รับเชื้อจากการให้เลือด
2.4 การผ่านเชื้อจากมารดาสู่ทารก ระหว่างหรือหลังคลอด
2.5 ไม่ทราบสาเหตุ
3. ทำอย่างไรจะทราบว่าติดเชื้อไวรัสเอดส์
3.3.1 ELISA, PA
3.1.2 Western Blot
3.2 กรณีที่มีอาการ หรืออาการแสดงก็ช่วยในการวินิจฉัยเช่น ต่อมน้ำเหลือง โต น้ำหนักลด แต่อย่างไรก็ตามต้องตรวจเลือดยืนยันดังที่กล่าวมาแล้วด้วย
4. เมื่อได้รับเชื้อเอดส์เข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีอาการผิดปกติหรือไม่ ไม่มีอาการ อะไรเลย หรือมีอาการคล้ายเป็นหวัดเล็กน้อยแล้วก็หายไป แล้วเข้าสู่ระยะฟักตัวของ โรคประมาณ 3 เดือน จึงตรวจพบว่าเลือดบวก
5. สำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสในระยะแรกจะยังไม่มีอาการผิดปกติอะไร แต่ถ้ามี อาการ แล้วแสดงว่าเป็นระยะหลัง ๆ ของโรค จะมีอาการน้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง เป็น ไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน ในกรณีที่เป็นเอดส์เต็มขั้นผู้ป่วยจะมีโรคติดเชื้อที่ปอด เป็น มะเร็งของผิวหนัง หรือติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย
6. วิธีการช่วยเหลือเพื่อชะลออาการของโรคให้เกิดช้า ๆ คือ พยายามรักษาสภาพ ร่างกายให้ดีเป็นปกติอยู่เสมอ ไม่ติดเชื้อทางเดินหายใจหรืออื่น ๆ สุขอนามัยทั่วไปดี จิต ใจเบิกบาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่สำส่อนทางเพศ การใช้ยาต้านไวรัส ตามทฤษฎีแล้ว จะลดปริมาณของเชื้อไวรัสในเลือดผู้ป่วย ซึ่งมีผล ทำให้มีอาการของโรคช้าลง
7. ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางการรักษาโรคเอดส์เพิ่มขึ้นมาก
7.1 ยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์
7.1.1 เดิมมีกลุ่มเดียว คือ AZT ที่ใช้กันแพร่หลาย
7.1.2 ยาใหม่ในกลุ่ม Protease inhibitor
7.2 วิธีการต่าง ๆ
7.2.1 การใช้ Immunoglobulin
7.2.2 การใช้ยาสวนล้างช่องคลอดของสตรีตั้งครรภ์เพื่อลดการติดเชื้อ ในทารก
7.2.3 วัคซีน
8. กรณีมารดาตั้งครรภ์ ทารกจะติดเชื้อได้ประมาณ 25% วิธีการป้องกันไม่ให้ ทารกติดเชื้อ
8.1 ก่อนคลอดให้ยา AZT ในสตรีตั้งครรภ์
8.2 ระหว่างการคลอด หลีกเลี่ยงการคลอดที่ใช้เครื่องมือช่วยคลอดหรือ การกระทำที่อาจจะเกิดแผลในช่องคลอด หรือศีรษะทารก มีผู้ศึกษาพบว่าการผ่าคลอด ช่วยลดอัตราการติดเชื้อในทารกด้วย
8.3 หลังคลอดมารดาต้องไม่เลี้ยงทารกด้วยนมตัวเอง
9. การสัมผัสหรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วยนั้นไม่ทำให้ติดเชื้อแต่อย่างใด ยกเว้น การสัมผัสทางเลือดหรือตกขาวจากช่องคลอดของผู้ป่วย แพทย์ตรวจครรภ์เป็นประจำก็ ไม่ติดเชื้อ, จูบกันก็ไม่ติดเชื้อ
10. วิธีการป้องกันการระบาดของเชื้อเอดส์
10.1 หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่สมรส การใช้ถุงยาง อนามัย
10.2 ไม่มั่วเข็ม หลีกเลี่ยงยาเสพติด
10.3 ต้องมีการเช็คเลือดทุกถุงก่อนให้ผู้ป่วยว่าปลอดเอดส์ (สภากาชาด ไทยทำอยู่แล้ว)
10.4 การใช้ AZT ในสตรีตั้งครรภ์เพื่อลดการผ่านเชื้อจากมารดาสู่ทารก
11. คำแนะนำอย่าเพิ่งสิ้นหวังกับโรคเอดส์ โรคเอดส์เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ป้องกันได้ และปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ และแพทย์กำลังพัฒนายารักษา อย่างเต็มที่