กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

บทความเรื่องสุขภาพ

Health Article

กันไว้ก่อนดีกว่าแก้

Date : 19 March 2015

คุณผู้หญิงหลายคนอาจเคยมีอาการคันยุบยิบบริเวณจุดซ่อนเร้น บางคนอาจจะพบเจอกับอาการตกขาวผิดปกติด้วย นี่ถือเป็นสัญญาณของการเป็นเชื้อราในช่องคลอด

เหตุเกิดเพราะความไม่สมดุล

ในร่างกายเราจะมีทั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอยู่ ซึ่งโดยปกติเชื้อราและแบคทีเรียจะสมดุลกัน ทำให้เชื้อราสงบไม่เจริญเติบโต เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ไปทำให้ความสมดุลของเชื้อรากับเชื้อแบคทีเรีย หรือสิ่งแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนแปลงไป อะไรก็ตามที่ทำให้แบคทีเรียในช่องคลอดน้อยลงเชื้อราในช่องคลอดก็มักจะเจริญมากขึ้น

ดูแลตัวเองให้ห่างไกลเชื้อรา

เชื้อราในช่องคลอดไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคุณผู้หญิง ที่นอกจากจะส่งผลถึงสุขภาพและอนามัยแล้ว ยังส่งผลต่อบุคลิกภาพที่คงจะไม่ดีแน่ๆ ถ้าคุณเกิดอาการคันในร่มผ้าในที่สาธารณะ ฉะนั้นป้องกันไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ดังนั้นจึงมีวิธีการดูแลตัวเองเพื่อให้คุณปลอดจากอาการอันไม่พึงประสงค์ให้หงุดหงิดใจมาให้

1.ขจัดความอับชื้น

เรื่องของชุดชั้นในที่คุณผู้หญิงใส่อยู่ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะก่อให้เกิดเชื้อราในช่องคลอด โดยเฉพาะกางเกงในที่ระบายอากาศไม่ค่อยดี มีความอับชื้น และชุ่มเหงื่อ ยิ่งในหน้าฝนที่เสื้อผ้ามักจะแห้งไม่สนิทก็อาจมีสปอร์เชื้อราอยู่ ดังนั้นควรดูแลชุดชั้นในของคุณให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ และควรตรวจตราคอยเคลียร์ชั้นในตัวเก่าที่ซุกอยู่ก้นตู้เพราะอาจมีสปอร์ติดอยู่ด้วยค่ะ

นอกจากนี้การใส่ผ้าอนามัยระหว่างมีประจำเดือน ก็ควรต้องเปลี่ยนบ่อยๆ และหากไม่ได้อยู่ในช่วงรอบเดือนก็ไม่ควรต้องใส่ผ้าอนามัย เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้นมากกว่า

2.ความสะอาดแต่พอดี

สำหรับผู้ที่ชอบใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาด จุดซ่อนเร้น ถ้าใช้นานก็อาจทำให้ความเป็นกรดด่างในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง เป็นสาเหตุทำให้มีเชื้อราขึ้นได้ และบางคนอาจแพ้สารเคมีในน้ำยาอีกด้วย ซึ่งการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นนั้น เพียงใช้สบู่และน้ำธรรมดาก็เพียงพอ

3.ลดของหวาน

การกินของหวานหมายถึงการที่คุณจะมีปริมาณน้ำตาลในเซลล์ต่างๆ เยอะขึ้น ซึ่งพบว่าเป็นอาหารโปรดของเชื้อรา ทำให้เจริญเติบโตได้ดี คนไข้ที่เป็นเชื้อราในช่องคลอดบ่อยๆ คุณหมอก็จะให้หลีกเลี่ยงน้ำตาลและของหวาน

4.ระวังการกินยา

เพราะสำหรับคนที่กินยาแก้อักเสบ กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน หรือได้รับยาประเภทกดภูมิคุ้มกัน เช่นโรคเลือดหรือการทำเคมีบำบัดนั้น จะส่งผลให้แบคทีเรียในช่องคลอดลดลง ทำให้ความสมดุลกรดด่างในช่องคลอดเปลี่ยนไป เชื้อราก็จะเจริญเติบโตขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ง่าย

เป็นแล้วรักษาอย่างไร

สำหรับการรักษาเชื้อราในช่องคลอดนั้น ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ให้ยารับประทาน และการรักษาในช่องคลอด ซึ่งเป็นสอดยาฆ่าเชื้อราเข้าไปในช่องคลอด มีทั้งในรูปของยาเม็ดและยาทา

การดูแลสุขภาพและอนามัยของตนเองให้ตัวเราปลอดจากเจ้าเชื้อราตัวร้ายไม่ใช่เรื่องยากนะคะ เพราะเป็นเชื้อรานานๆ เข้า แม้จะไม่มีอันตรายร้ายแรง นอกจากจะมีอาการคันร่มผ้าที่ทำให้เสียบุคลิก ยังจะมีอาการคันใจเข้ามาด้วย

เรื่องควรรู้ของแม่ท้องกับเชื้อรา

  • การเกิดเชื้อราในช่องคลอดที่พบมากที่สุดเลยคือเมื่อตั้งครรภ์ เพราะแม่ท้องจะมีฮอร์โมนออกมามาก ซึ่งไปกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดด่างในช่องคลอด ทำให้เชื้อรามีอาหารที่จะเจริญเติบโตมากขึ้น ทำให้มีระดูขาวมากขึ้น และอาจมีการอักเสบของปากช่องคลอด
  • เชื้อราในช่องคลอดนั้นจะไม่ผ่านไปสู่ลูก แต่หากแม่ท้องเป็นเชื้อราในช่องคลอดแล้วไม่ได้รักษาให้หาย และเป็นเชื้อราในช่องคลอดขณะที่คลอดลูกผ่านทางช่องคลอด จะทำให้เด็กอาจมีเชื้อราในลิ้น ในปาก และก้นได้
  • การรักษาอาการนี้สำหรับแม่ท้อง แพทย์มักจะให้ยาทาหรือยาสอด แต่ไม่ให้ยา เพราะกลัวจะมีผลถึงเด็กในครรภ์
  • เมื่อคุณแม่ท้องมีอาการคันที่อวัยวะเพศ หรือมีระดูขาวมาผิดปกติ ก็ควรบอกคุณหมอเพื่อจะได้ทำการตรวจและรักษาต่อไป ซึ่งอาการนี้อาจจะไม่ได้เกิดในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่ก็ต้องคอยสังเกตตัวเองอยู่เป็นระยะ

สังเกตอาการ

อาการของผู้ที่มีปัญหาเชื้อราในช่องคลอด จะมีอาการคันบริเวณแถวๆ ปากช่องคลอด หรืออาจจะมีระดูขาวที่มากผิดปกติ มีลักษณะคล้ายแหวะนมเด็ก เป็นเม็ดขาวๆ ถ้าเป็นมากๆ ก็จะคันบริเวณปากช่องคลอด หากเกามากๆ ก็จะเกิดการอักเสบต่อไปได้ ซึ่งเมื่อมีอาการเช่นนี้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อการรักษาต่อไป

แต่หากคุณเป็นซ้ำเกินปีละ 4 ครั้ง ถือว่าเป็นอาการเรื้อรัง อาจต้องรักษายาวด้วยการให้ยาถึง 6 อาทิตย์ ซึ่งอาการเรื้อรังเช่นนี้ อาจเป็นอาการแอบแฝงของโรคอื่น เช่น เบาหวาน ได้อีกด้วย

ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุน กรมสร้างเสริมสุขภาพ